Please fill in the following and we will get back to you within 2 working days.
Submit

WE HAVE THE BEST READING PROGRAMME!



Why is I Can Read the world's best reading programme?  Why is I Can Read the parent's system of choice?

It is because no other reading programme can make the following claims:

  • Created by educational psychologist following years of research.
  • Created by educators with the following qualifications: PhD, BA, MA, Hons, DipEd, Master of Letters, Literature, Linguistics and Psychology majors, thesis based on research into reading acquisition and over 20 years field work.
  • ICR creators are also the authors of “Dealing with Dyslexia and Reading Difficulties” published by Pearson Education.
  • Is a proven programme trialled in Singapore and overseas and backed by statistical data.
  • Has successfully taught over 270,000 students.
  • Has been hailed by Professor Brian Byrne (author of The Alphabetic Principle) as being in line with current research into optimum ways to teach reading.

If you choose I Can Read, you are choosing a reputable system which has proven itself over 19 years, is the market leader and is supported by professionals in the field.  The evidence is clear: you can't go wrong with I Can Read!
VIEW MORE VIEW LESS

โฟนิคส์สำคัญอย่างไร ทำไมต้องเรียน

สมัยนี้การเรียนภาษาอังกฤษที่ได้ยินกันบ่อยในหมู่เด็ก ๆ ก็คือการเรียนโฟนิคส์ ที่ต่างเรียนกันอย่างแพร่หลาย จนหลายท่านอาจสงสัยว่าการเรียนโฟนิคส์นั้นคืออะไร



โฟนิคส์
สำคัญอย่างไร ทำไมต้องเรียน

สมัยนี้การเรียนภาษาอังกฤษที่ได้ยินกันบ่อยในหมู่เด็กๆ ก็คือการเรียนโฟนิคส์ ที่ต่างเรียนกันอย่างแพร่หลาย จนหลายท่านอาจสงสัยว่าการเรียนโฟนิคส์นั้นคืออะไร ทำไมสมัยเราเรียนหนังสือไม่เห็นเคยได้ยินหรือเคยรู้จักมาก่อน ทำไมสมัยนี้พูดกันเยอะมาก วันนี้จะเล่าเรื่องการเรียนโฟนิคส์ให้ทราบกันคร่าวๆ ดังนี้ค่ะ

โฟนิคส์ คือวิธีการเรียนอ่านเขียนและออกเสียงภาษาอังกฤษโดยใช้หลักการถอดรหัสเสียงและการผสมเสียงตัวอักษร a ถึง z ทั้ง 26 ตัว ผู้เรียนจะต้องเข้าใจเสียงของตัวอักษรต่างๆ และออกเสียงเหล่านั้นให้ได้อย่างถูกต้องจึงจะสามารถผสมเสียงออกมาเป็นคำได้ ยกตัวอย่างเช่น การสะกดคำว่า cat ในสมัยเราๆ จะท่องกันว่า ซี-เอ-ที แคท แมว ซึ่งยากที่จะเข้าใจว่าทำไม ซี-เอ-ที ถึงกลายเป็นแคทไปได้ เพราะการท่องแบบนี้ไม่ได้ใช้หลักการผสมเสียงแต่เป็นการท่องจำการสะกดคำเสียมากกว่า

จากตัวอย่างนี้ ถ้าเรียนตามหลักโฟนิคส์ จะสอนให้รู้จักตัว “c” จากเสียงของมันคือเสียง “ค” (ออกเสียงเคอะ เบาๆ ในลำคอ) ตัว “a” เป็นเสียง “แอะ” และตัว “t” เป็นเสียง “ท” (ออกเสียง เทอะ เบาๆ ใช้ปลายลิ้นกระทบฟันหน้าบน) และผสมเสียงกันเป็น “ค-แอะ-ท แคท” (ลองออกเสียง ค-แอะ-ท ซ้ำๆ เร็วๆ จะพบว่าสุดท้ายจะออกเสียงเป็น “แคท”) หลักการถอดรหัสเสียง และผสมเสียงแบบนี้แหละค่ะที่เรียกว่าโฟนิคส์นั่นเอง ซึ่งผู้เรียนจะต้องฝึกผสมเสียงพยัญชนะ สระต่างๆ ที่หลากหลายจนคล่องแคล่วโดยใช้หลักโฟนิคส์นี้ค่ะ

เรียนแล้วได้อะไร ?

การเรียนโฟนิคส์จะช่วยให้เด็กๆ ออกเสียงได้ถูกต้อง ทำให้พวกเขาสื่อสารภาษาอังกฤษได้ชัดเจน และสามารถอ่านเขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถสะกดคำศัพท์ต่างๆ ได้ด้วยตัวเองอย่างคล่องแคล่วจากการรู้จักเสียงของตัวอักษรและเข้าใจหลักการผสมเสียง แม้ในช่วงแรกการเรียนแบบโฟนิคส์จะดูช้ากว่าการเรียนแบบท่องจำมาก เพราะเด็กต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจเสียงและหลักการผสมคำจากง่ายไปยาก ต้องฝึกซ้ำๆ เพื่อให้จำได้ และมีบทศึกษามากมายที่ยืนยันว่าเด็กที่เรียนการอ่านเขียนแบบนี้จะสามารถเรียนภาษาอังกฤษได้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่านักเรียนทั่วไป และมีความแตกฉานทางภาษา รักการอ่าน การค้นคว้าหาความรู้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับตัวเขาเองในอนาคต

เรียนโฟนิคส์แล้วจะนำมาใช้ทันกับหลักสูตรแบบดั้งเดิมของโรงเรียนทั่วไปหรือเปล่า ?

การเรียนโฟนิคส์นั้น จะเรียนแบบค่อยเป็นค่อยไป จึงจะดูช้ากว่าการเรียนแบบท่องจำ เพราะเด็กๆ ไม่ว่าจะโตแค่ไหน เรียนระดับไหนก็ต้องมาเริ่มที่เสียง a b c … แล้วค่อยๆ หัดผสมเสียงจากง่ายก่อน ดังนั้น จะคาดหวังให้ใช้หลักโฟนิคส์สะกดคำยากๆ ได้เลยตามที่โรงเรียนให้การบ้านมาในช่วงแรกของการเรียนโฟนิคส์ก็อาจดูยากเกินไปสำหรับลูก เช่น ลูกเพิ่งเรียนการผสมเสียงสระตัว “a” เช่นคำว่า bat, hat, rat, mat หากจะให้สะกดคำว่า January โดยหลักโฟนิคส์เลย คงยังทำไม่ได้ แต่ในระยะยาวเมื่อลูกเรียนจบและได้มีการฝึกอ่านอย่างสม่ำเสมอ แน่นอนว่าการเรียนโฟนิคส์จะช่วยส่งเสริมให้การอ่าน การสะกดคำต่างๆ เป็นไปได้ง่ายขึ้น และเข้าใจหลักการออกเสียง การอ่านเขียนอย่างแท้จริง จึงมีบทวิจัยออกมาหลายสำนักว่าหลักโฟนิคส์ช่วยให้เรียนภาษาอังกฤษได้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่านักเรียนทั่วไปถึง 2-3 ปี

หลักโฟนิคส์นี้เป็นการเรียนแบบใหม่ที่เพิ่งค้นพบหรือ ?

หลักโฟนิคส์ เป็นหลักการอ่านเขียนที่เรียนกันมาตั้งแต่โบราณแล้ว แต่เมื่อราว 20-40 ปีที่ผ่านมาได้เลือนหายไป เนื่องจากมีทฤษฎีใหม่ที่บอกว่าการอ่านแบบโฟนิคส์นั้นยุ่งยาก กว่าจะแตกเสียง ผสมเสียง จนอ่านเป็นคำนั้นช้าไม่ทันใจ หันมาใช้วิธีเรียนแบบจำคำศัพท์เป็นคำๆ ที่เรียกว่า Whole Language ดีกว่าเพราะเร็วกว่ากันเยอะ โรงเรียนในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย จึงเลิกสอนโฟนิคส์ไปตามๆ กัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปีกลับพบว่าความสามารถในการอ่านเขียนของประชาชนต่ำลง เพราะคนเรานั้นจดจำคำศัพท์ได้จำกัด และการไม่รู้หลักการสะกดนั้นก็ทำให้อ่านได้ไม่คล่อง เมื่อเห็นคำยากหรือคำใหม่ที่ไม่คุ้นเคยก็ไม่อยากอ่าน ทำให้การอ่านค้นคว้าความรู้ต่างๆ ลดลงตามไปด้วย จึงมีฟื้นฟูการเรียนโฟนิคส์ให้นำกลับมาสอนอีกครั้งเพื่อให้เด็กๆ เข้าใจหลักการอ่านเขียนอย่างแท้จริง

ดิฉันเอง ช่วงที่พัฒนาหลักสูตรโฟนิคส์สำหรับเด็กไทยนั้น ได้เดินทางไปหลายแห่งเพื่อศึกษาแนวการสอนของต่างประเทศ และได้พบโรงเรียนเล็กๆ แห่งหนึ่งในประเทศออสเตรเลียที่ยึดมั่นใช้การสอนตามหลักโฟนิคส์มาตลอดหลายสิบปีด้วยความเชื่อมั่นและปรากฏว่านักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้สามารถกวาดรางวัลการอ่าน การออกเสียง การเขียนเรียงความทั้งในระดับชุมชนและระดับประเทศได้จนมีชื่อเสียงไปทั่ว ทำให้เชื่อได้เลยว่าหลักโฟนิคส์เป็นประโยชน์สำหรับเด็กๆ อย่างแท้จริง

ผลจากการเรียนโฟนิคส์ของเด็กไทยเป็นอย่างไรบ้าง ?

จากประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมาที่เราได้นำหลักสูตรโฟนิคส์ที่เรียนด้วยความสนุกสนานเข้าสอนเด็กๆ ในโรงเรียนต่างๆ หลายพันคน ปรากฏว่าได้ผลดีมาก เด็กๆ แม้แต่ระดับอนุบาลที่ได้เรียน ก็สนุกที่จะออกเสียงตัวอักษรต่างๆ ภาคภูมิใจที่ผสมคำได้ด้วยตนเอง และเมื่อกลับบ้านก็ยังชอบที่จะอ่านป้าย อ่านและสะกดคำต่างๆ ตามหลักที่ได้เรียนมา จะผิดบ้างถูกบ้างก็ไม่เป็นไรแต่เขาก็สนุกที่จะลองใช้ความรู้ที่เรียนมาไปกับคำรอบๆ ตัวที่หลากหลาย ซึ่งดิฉันคิดว่าเป็นการเริ่มต้นสร้างทัศนคติที่ดีในการออกเสียงและการอ่านเขียนตามหลักที่ถูกต้อง และจะช่วยพัฒนาการออกเสียงและการอ่านเขียนของพวกเขาอย่างมากในระยะยาว และสามารถต่อยอดไปสู่ทักษะอื่นๆ ที่สำคัญในอนาคต เช่น การเขียนเรียงความ เขียนบทความ การจับประเด็น จับใจความ คิดวิเคราะห์เนื้อหาอย่างเป็นเหตุผลด้วย

หากอยากให้เด็กเก่งภาษาอังกฤษ ควรเรียนโฟนิคส์อย่างเดียวเลยหรือไม่ ?

แม้โฟนิคส์จะเป็นความรู้และเป็นพื้นฐานที่ดีในการออกเสียงและการอ่านเขียน แต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทักษะภาษาอังกฤษทั้งหมด ดังนั้น นอกจากโฟนิคส์แล้ว คุณครูอย่าลืมปูพื้นฐานในเรื่องการฟัง การพูดภาษาอังกฤษของเด็กให้ดีควบคู่กันไปด้วย เพราะเป็นทักษะที่สำคัญไม่แพ้กัน และต้องการการฝึกฝนเป็นประจำสม่ำเสมอเพื่อให้ฟังพูดได้คล่องแคล่ว แตกฉาน มั่นใจ และความรู้ความเชี่ยวชาญในแต่ละทักษะยังสามารถนำมาเชื่อมโยงต่อยอดกันและกันได้ด้วย ที่สำคัญ คุณครูต้องไม่ลืมว่าไม่ว่าจะเรียนอะไรก็ตาม เด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อพวกเขาเรียนรู้ด้วยความสนุกสนาน

-----

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.aksorn.com


I CAN READ WEB CLASS

To ensure our students’ continued learning, our I Can Read Web-Class will begin on the 5th of April, 2020 (Sunday). The classes will be conducted online via our I Can Read Web-Class platform with “live” lessons.





I Can Read web-classes are not pre-recorded lessons. We utilise an online teaching platform which enables teachers and students alike to join in a live virtual classroom and learn in a collaborative online environment. The programme seeks to empower both teachers and students by providing them with a platform that they use to make online learning both personal and engaging.

Teachers will create interactive blackboards using our digitised I Can Read resources, which will encourage students to collaborate, connect and most importantly, learn. Video conferencing tools are also available on the platform that will allow teachers to interact meaningfully with students through songs, built-in games and videos. This will help to continue I Can Read’s philosophy of having fun while learning.

Each lesson will be filled with fun and engaging activities that will help your child continue learning from the safety of your home.

Have your child join an I Can Read Web-Class by following these simple steps.




I Can Read Web-Classes
Introduction






How to install
I Can Read Web-Class




.
Free trial class, start today.
For more information, please contact
085-6865565





VIEW MORE VIEW LESS

WHAT IS THE BEST APPROACH TO LEARNING LITERACY SKILLS?



A good instructional approach to reading lessons will make explicit the manner in which sounds combine to create words. It will teach students that accessing the sounds accurately makes pronunciation clearer. 

As students become aware of how sounds blend together, they realise that whole, meaningful words are actually an array of smaller sounds which can be added or subtracted, stretched and blended in the process of word construction. Thus by the time these students move on to looking at letters, what they are able to demonstrate is that letters representing sounds combine, as do sounds and are in fact pictures of sound. This is the first essential stage on the way to learning to read the English language. Sometimes students may give such request as help me to write my essay.

However, it is by no means the end of the story. English is a hybrid language and lacks an agreed rule system for its grammatical constructs, its syntactical outlines and most confusing, for the pronunciation of strings of letters or combinations of letters that combine to complete words. 

Take the letter a. It can represent several different sounds, as in words like cat, gate, was, any, tall, bath and area. Or take the combination of letters ough. It is impossible to know the correct pronunciation of these letters. In the word cough, the sounds are /k/-/o/-/f/.

Now take the word bough. The sounds are now /b/-/ow/ (as in cow). With the same letter sequence in words like though, through and enough, one can see that learning to read in English means knowing how to access the sound array accurately at all times. To not be able to do this means having to guess and hoping to get lucky in the attempt, frequently resulting in reading difficulties.

As English is not rule-bound, it cannot be learned by rules. The challenge faced by educators in recent times is how to empower children to accurately access the sound sequence. Once the foundational requirement to accurately manipulate the phonological array has been taught, the next challenge is how to guarantee accurate pronunciation of the sequence. 

As you saw by the example above, pronouncing the same group of letters is not always straightforward. Many words in English are unpredictable with regard to pronunciation. There has been a need for some time to create an instructional approach that would remove the confusion and ambiguities that can arise when group of letters combine in unpredictable ways. If children needs help with literary essay parents may visit sites like customessayorder.com or essayzoo.org.

Children must know whether to say /off/ or /ow/ (for example) in a word like cough. Additionally many words in written English contain letters that seemingly make no contribution to the pronunciation of the word. This can lead to confusion and reading difficulties for any student. A word like apple could as easily be written /apl/ where the three sounds are all present and eliminating the remaining letters /p/ and /e/.

Historical conventions are not easy to override and few have tried or succeeded. Webster managed to eliminate a few anomalies in written English and changed colour to color for instance, but what has happened is that generally the spelling conventions established by the 17th century have remained in place since and have been impervious to change, notwithstanding the differences between written British English and written American English.

VIEW MORE VIEW LESS

WHY DO SOME STRUGGLE WITH READING?



There are a number of contributing factors as to why many children have reading difficulties. They are comprehensively covered in the book, Dealing with Dyslexia and Other Reading Difficulties, written by registered psychologists and founders of I Can Read Antony Earnshaw and Annabel Seargeant and published by Pearson Education. 

The authors, who have spent nearly 20 years investigating reading development as research psychologists, support the view that in general, poor reading skills are the consequence of ineffective and inadequate instructional approaches.

What this means is that, in general, children fail to learn to read English easily or well because they are not taught properly. Well-meaning teachers may have exposed students to the alphabet prematurely, making it confusing for a beginner reader who has not yet developed sufficient pre-reading skills such as syllabic and phonemic awareness.

Through our reading programmes taught by Reading Specialists, I Can Read ensures that learning how to read is a rewarding and fun process for children.

Contact an I Can Read Centre near you today for more information or to book a diagnostic reading assessment. 


VIEW MORE VIEW LESS